โฮสติ้ง 4 ประเภท ที่เหมาะกับเว็บ Woocommerce

โฮสติ้ง 4 ประเภท ที่เหมาะกับเว็บ Woocommerce

1.โฮสติ้งที่ใช้ร่วมกัน Shared Host

แชร์โฮสต์เป็นโฮสติงที่ราคาประหยัดที่สุด เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดเล็ก ที่มีปริมาณการใช้งานน้อยหรือเป็นผู้เริ่มต้น มีความง่ายต่อการใช้งาน สามารถจัดการ การบำรุงรักษาและการตั้งค่า Server ทำให้ใช้งานง่าย ไม่มีความรู้เชิงลึกด้านเซิร์ฟเวอร์ก็สามารถจัดการได้ นอกจากนี้ยังรองรับหลายโดเมน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เราสามารถจัการเว็บไซต์ออกเป็นหลายหมวดหมู่ ดูเพิ่มเติม อีกทั้งยังรองรับระบบจัดการเนื้อหาหลายระบบ

แต่สำหรับในด้านข้อเสียนั้น ด้วยความที่เป็นแชร์โฮสต์ก็จะมีทรัพยากรที่จำกัด เนื่องจากเป็นการแชร์ทรัพยากรณ์เว็บไซต์กับกับเว็บไซต์อื่นๆ ในช่วงที่มีปริมาณการใช้งานเว็บไซต์ที่สูง หากผู้ดูแซิร์ฟเวอร์บริการจัดการไม่ดี อาจทำให้เว็บไซต์ช้าและ Gateway Timeout ในที่สุด

2. โฮสติ้งสำหรับเว็บ WordPress/ Woocommerce โดยเฉพาะ

โฮสติ้งสำหรับเว็บ WordPress ยังถือเว่าเป็นเว็บไซต์แชร์โฮสต์ประเภทหนึ่ง แต่มีคุณภาพสูงกว่าโฮสติ้งที่ใช้ร่วมกันทั่วไป ประการแรกนั้น สภาพแวดล้อม คุณสมบัติต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์ได้รบการจัดการ ปรับให้เหมาะสมกับ WordPress และ Woocommerce โดยเฉพาะเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้ดีที่สุด ช่วยในเรื่องเวลาในการโหลดได้เร็วขึ้น มีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เพราะมีการป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force, ใบรับรอง SSL ฟรี ทั้งมีการ Auto Backup รายวัน และอัพเดตซอฟต์แวร์

ในด้านข้อเสียของโฮสติ้ง WordPress นั่นคือ สามารถใช้ได้เพียงแค่กับเว็บที่เป็น WordPress เท่านั้น ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น

3.โฮสติ้งส่วนตัว VPS

โฮสติ้ง VPS ใช้เทคโนโลยีเหสมือนจริงที่เรียกว่า “Hypervisor” เพื่อสร้างส่วนประกอบที่แยกออกมาภายในเซิร์ฟเวอร์จรงเครื่องเดียว VPS แต่ละตัวทำงานแยกกันโดยมีทรัพยากรเซอร์ฟเวอร์เพิ่มเติมสำหรับแต่ละเว็บไซต์โดยเฉพาะ ให้การควบคุม ความสามารถในการปรับขนาด และประสิทธิภาพมากว่าโฮสติ้งที่ใช้ร่วมกัน และเหมาะที่สุดสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการทรัพยากรมากขึ้น และการตั้งค่าที่สูงกว่า

ด้วยประสิทธิภาพของโฮสติ้ง VPS สูง ค่าใช้จ่ายก็สูงตามด้วยเช่นกัน และยังต้องมีความรู้ด้านเทคนิคขั้นสูงเพื่อจัดการเซิร์ฟเวอร์

4.คลาวด์โฮสติ้ง

แตกต่างจากโฮสติ้ง VPS เพราะเป็นการจองลองเครื่องเซอร์เวอร์เพียงเครื่องเดียว จากผู้ให้บริการโฮสติ้งบนคลาวด์เช่น Google Cloud Platform ส่งข้อมูลของเว็บไซต์ผ่านเครือข่าย สามารถปรับขนาด ความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ และความรวดเร็วได้มากกว่าเว็บโฮสติ้งแบบเดิม เวลาทำงาน และความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากมีทรัพยากร ที่สามารถกระจายทั่วเครือข่าย หากเซิร์ฟเวอร์เกิดการล้มเหลวในที่เดียว ทรัพยากรสามารถถูกย้ายและแจกจ่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นได้อย่างรวดเร็ว โดยการชำระค่าบริการของโฮสติ้งจะเรียกเก็บเงินตามจำนวนการใช้งาน และมีความปลอดภัย เพราะผู้ให้บริการโฮสต์บนคลาวด์ใช้เลเยอร์ความปลอดภัย เช่น Firewall การควบคุมการเข้าถึง การจัดการข้อมูลประจำตัว และ SSL และโดยทั่งไปเป็นไปตามมาตรฐาน PCI

แน่นอนว่าราคาที่หยืดหยุ่นปรับขึ้นลงตามการใช้งานอาจเป็นเรื่องยากที่จะวางแผนค่าใช้จ่าย ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิค เช่นเดียวกับ VPS โฮสติ้ง จะต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพื่อจัดการเว็บไซต์